Present Perfect Tense
Subject + has/have + Verb3
หลักการใช้ Present Perfect Tense
1.ใช้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินต่อเนื่องมายังปัจจุบัน
1.ใช้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินต่อเนื่องมายังปัจจุบัน
และมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปได้อีกในอนาคต เช่น
I have had a lot of toys.
ฉันมีของเล่นมากมาย (และอาจจะมีของเล่นเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต)
2. ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้ว
แต่ยังส่งผลมายังปัจจุบัน เช่น
It has stopped raining.
ฝนหยุดตกแล้ว (แต่ถนนยังเปียกอยู่)
3. ใช้พูดถึง เหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆกัน
ในช่วงเวลาหนึ่งระหว่างอดีตและปัจจุบัน
โดยมักใช้คำว่า many/several times, a lot of times, …times,
again and again, over and over และอื่นๆ เช่น
I’ve read this book more than 3 times.
(ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้มามากกว่าสามรอบแล้ว)
4. ใช้กับเหตุการณ์ที่ เพิ่งสิ้นสุดลง โดยไม่ระบุเวลา
ซึ่งมักใช้กับ just, already และ yet
yet มักใช้ในประโยคปฏิเสธ
ส่วน just และ already นั้นมักจะใช้กันในประโยคบอกเล่า
โดยวางไว้อยู่หน้ากริยาหลัก เช่น
I haven’t finished my homework yet.
(ฉันยังทำการบ้านของฉันไม่เสร็จเลย)
I have just finished my home work.
(ฉันเพิ่งทำการบ้านของฉันเสร็จ)
I’ve already finished my homework.
(ฉันทำการบ้านของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว)
หากเราระบุเวลาลงไป ประโยคจะต้องใช้ Past Simple Tense เท่านั้น
ไม่สามารถใช้ Present Perfect Tense ได้ เช่น
I finished my homework at 7 o’clock.
(ฉันทำการบ้านเสร็จแล้วตอนเจ็ดโมงเช้า)
5. ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งมักใช้กับ just, recently, lately และอื่นๆ
The meeting has just started. (การประชุมเพิ่งจะเริ่มขึ้น)
Have you seen him lately? (คุณได้เจอเขาเมื่อเร็วๆนี้บ้างไหม)
6. ใช้กับ since (ตั้งแต่) และ for (เป็นเวลา)
I have been here since I was about 15 years old.
ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่อายุ 15 (ปัจจุบันฉันก็ยังคงอยู่ที่นี่)
I have had a fever for almost a week.
ฉันเป็นไข้มาประมาณอาทิตย์หนึ่งได้แล้ว
(ปัจจุบันฉันก็ยังคงเป็นไข้อยู่เช่นเดิม)